ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์
รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) และผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)
อิเล็กทรอนิกส์ไทยจะไป 4.0 ไม่ยากเกินเอื้อม มีคนคอยช่วยอยู่นะ
อนาคตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย: โอกาสและความท้าทายในยุค AI และ IoT
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงตลาดผู้บริโภค แต่ยังเป็นฐานการผลิตสำคัญในห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์โลก และในยุคที่เทคโนโลยี AI และ IoT เข้ามามีบทบาทมากขึ้น อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญ บทความนี้จะพาไปสำรวจประเด็นสำคัญจากการสัมภาษณ์ ดร. พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ NECTEC และผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: เราขาดอะไรไป?
แม้จะมีบทบาทสำคัญในระดับโลก แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยก็มีโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข
ปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะสูง: โดยเฉพาะในส่วนของการผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีแห่งอนาคต
การยกระดับสู่ Industry 4.0: โรงงานส่วนใหญ่ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบดั้งเดิม ทำให้ต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีอย่าง AI และ IoT เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ภาครัฐช่วยอย่างไร? และผู้ประกอบการต้องเริ่มต้นอย่างไร?
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการก้าวสู่ยุค Industry 4.0 ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องลุยเดี่ยว เพราะมีหน่วยงานภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น
นโยบาย Smart Electronics S-Curve เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
การสนับสนุนจาก NECTEC และ SMC ที่พร้อมให้คำปรึกษาและจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรและช่วยยกระดับโรงงาน
สิทธิประโยชน์จาก BOI ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและจูงใจให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเริ่มต้น ดร. พนิตาแนะนำให้เข้าใช้บริการที่ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์ความต้องการและให้คำแนะนำในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตได้อย่างเหมาะสม แม้แต่ปัญหา Generation Gap ในโรงงาน ก็สามารถขอรับคำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขได้เช่นกัน
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน