ไทยมุ่งสู่ศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์แห่งอาเซียนด้วย AI

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กำลังเข้าสู่ยุคที่ AI มีบทบาทอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ผู้ผลิตในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องยกระดับด้วยเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ โฟโตนิกส์ และระบบอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตอัจฉริยะแห่งภูมิภาค

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) คาดว่าอุตสาหกรรม AI ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 42.4% ในช่วงปี 2020-2030 และคาดว่าภาครัฐและเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการนำ AI ไปใช้อย่างกว้างขวางหากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม

การนำ AI มาใช้ในภาคการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และภาคอื่นๆ จึงเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งตั้งเป้าให้ประเทศเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ภายในปี 2050 โดยมี AI เป็นหนึ่งในกลไกหลักของการเปลี่ยนผ่านนี้

1. มุ่งเน้นเทคโนโลยีเพื่อการใช้เทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดสารเคมีเป็นพิษ เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดและจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพ

2. เร่งพัฒนาแรงงานทักษะ ผ่านการพัฒนาหลักสูตรขั้นสูงในสถาบันการศึกษาที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดแรงงานในปัจจุบัน เช่น วิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ตลอดจนเพิ่มทักษะให้กลุ่มแรงงานเดิมเพื่อลดช่องว่างระหว่างทั้งสองกลุ่ม 

3. ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาที่มุ่งสร้างห่วงโซ่อุปทานการผลิตระดับต้นน้ำมากขึ้น และปรับปรุงเงื่อนไขสำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะสูง และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกลุ่มบริษัทที่มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อพัฒนาแรงงานไทยไปในตัว

4. ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและพลังงาน ตลอดจนเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ครอบคลุมกิจการอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมากขึ้นในอนาคต

ติดตามข้อมูลอัปเดตเหล่านี้และอีกมากได้จาก NEPCON Blog และชมเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่งาน เนปคอน ไทยแลนด์ 2026 - มหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อันดับ 1 ของอาเซียน  ระหว่างวันที่ 17-20 มิถุนายน 2569 ที่ไบเทค บางนา